ปัจจุบันการดื่ม กาแฟ กลายเป็นส่วนหนึ่งของการแต่งแต้ม สีสันวันสบายๆ ให้กับชีวิต และกลายเป็นค่านิยมของคนรุ่นใหม่ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มรสละมุนละไมในยามเช้าแล้ว หากแต่ กาแฟ ยังคงเป็นเครื่องดื่มที่ครองใจคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับ และในทุกๆ ช่วงเวลาแห่งความสุขอีกด้วย

คนส่วนใหญ่เคยรับรู้ถึงโทษของการดื่ม กาแฟ ที่มีส่วนผสมของ คาเฟอีน เป็นองค์ประกอบหลัก และหากร่างกายได้รับ คาเฟอีน ในปริมาณมากๆ (เกินกว่า 600 มิลลิกรัมต่อวัน หรือ กาแฟชงแก่ๆ วันละ 5-6 ถ้วย) ร่างกายจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว มือสั่น กระวนกระวาย ใจสั่น และโกรธง่าย

แต่ก็ใช่ว่าสรรพสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะมีเพียงด้านลบ เพียงอย่างเดียว เราคงเคยได้ยินว่าหากใครได้รับพิษงู คนผู้นั้นอาจจะมีอันตรายถึงชีวิต แต่ในขณะเดียวกันพิษงูก็สามารถนำมาทำเป็นเซรุ่มใช้สำหรับรักษาและช่วยชีวิต คนที่ถูกงูกัดได้ เช่นเดียวกันกับ คาเฟอีน ที่คนเรามักคิดว่าเป็นโทษต่อร่างกาย แต่ คาเฟอีน ในปริมาณที่เหมาะสมก็มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ในด้านการ กระตุ้นให้สมองตื่นตัว ซึ่งจะเร่งความเร็วของการประมวลผลข้อมูลในสมองและย่นระยะเวลาในการตอบสนอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของงานที่ต้องการสมาธิ การใช้เหตุผลและความจำ คาเฟอีน ในปริมาณที่พอเหมาะ ช่วยลดความหงุดหงิด อารมณ์ซึมเศร้าและความเครียดได้ ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกพึงพอใจและมีความสุข ยังมีประโยชน์มากมายจากการดื่ม กาแฟ ในปริมาณที่เหมาะสม เช่นช่วยในการขยายหลอดเลือด ให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจได้มากขึ้น อาจช่วยลดอาการการแพ้เกสรดอกไม้หากรับ สารคาเฟอีน วันละ 400 มิลลิกรัม ลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ ฯลฯ

ไม่ มีข้อจำกัด ข้อกำหนด และ คำนิยามใดๆ ในการดื่ม กาแฟ ไม่มีใครบอกได้ว่าในหนึ่งวันแต่ละคนควรดื่ม กาแฟ ในปริมาณที่เท่าไหร่จึงจะเหมาะสม ทั้งนี้เพราะร่างกายของแต่ละคน มีความต้องการ และมีความไวต่อสาร คาเฟอีน ในปริมาณที่แตกต่างกัน แต่ที่แน่ๆ การรับสาร คาเฟอีน ในปริมาณ 100 – 300 มิลลิกรัม หรือเท่ากับ กาแฟ ธรรมดาวันละ 2-4 ถ้วย เป็นปริมาณที่ไม่เกิดโทษต่อร่างกาย นอกจากนี้ กาแฟ ยังกลายเป็นข่าวดีสำหรับผู้ชายทั่วโลก เมื่อดร.ดาร์ซี โรแบร์โตลิมา ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชวิทยาของมหาวิทยาลัยริโอ เดอจาเนโร ในบราซิล เปิดเผยว่า ผู้ที่มีปัญหาหย่อน สมรรถภาพทางเพศ อันเนื่องมาจากการดื่มสุรา การเสพยา ภาวะซึมเศร้าและอายุขัย สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการดื่ม กาแฟ ในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละวัน

สำหรับ ข้อถกเถียงที่ว่า คาเฟอีน เป็นสารเสพติดหรือไม่นั้น ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า “ มันขึ้นอยู่กับความเคยชินมากกว่าเป็น สารเสพติด เคยชินจนเป็นนิสัยส่วนตัว * สิ่งที่เรียกว่าจะติดได้คือจะต้องได้รับเป็นประจำ และปริมาณต้องเพิ่มขึ้น แต่การดื่มกาแฟมันไม่ได้ทำให้ความต้องการมากขึ้น และถ้าขาดก็ไม่เกิดอาการทางสรีระวิทยา เช่นการลงแดง ”

ทำไม ถึงต้องเลือกดื่ม กาแฟ ที่ปราศจากสารเคมี

เพราะใน กาแฟ ทั่วๆ ไป สาร คาเฟอีน ที่มีปริมาณมากไม่ใช่ปัญหาเพียงอย่างเดียวเท่านั้นยังคงมีสาเหตุอื่นๆ อีกมากมายเช่น

การปลูก กาแฟ จะต้องใช้ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืชมากกว่าการปลูกพืชผลทางการเกษตรชนิด อื่นๆ

ยาฆ่าแมลง และยาปราบศัตรูพืชได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นสาเหตุของการก่อให้เกิด โรคมะเร็ง
ทันที ที่สารเคมีซึมเข้าสู่เมล็ด กาแฟ จะไม่สามารถล้างสารเคมีออกได้ การคั่ว กาแฟ ไม่สามารถทำลายสารเคมีดังกล่าว แต่จะเป็นการเพิ่มสารเคมีเข้าไปแทนที่ และเพิ่มปริมาณสารเคมีขึ้นอย่างซับซ้อน ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์
เวลา ที่คุณชง กาแฟ ที่มีส่วนประกอบของสารเคมี แล้วดื่มจนหมดแก้ว นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้ดื่มเฉพาะ กาแฟ เท่านั้นแต่ยังได้รับสารเคมีไปเต็มๆ ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของคุณอย่างร้ายกาจ